|
|
|
เมืองโบราณเมืองหนึ่ง ซึ่งสร้างก่อนกรุงสุโขทัย 199 ปี
เมืองมาตุภูมิของสมเด็จพระสรรเพชญที่ 8 (หลวงสรศักดิ์) เมืองอันเป็นถิ่นฐานบ้านเกิดของมหาราชครู หรือโหราธิบดี และศรีปราชญ์ รัตนกวีแห่งราชสำนักสมเด็จพระนารายณ์ ฯ เมืองแห่งพระเครื่องรางของขลัง และยังเป็นเมืองกำเนิดละครเรื่อง ไกรทอง เมืองนั้นคือ “เมืองพิจิตร” |
|
|
|
|
เมืองพิจิตรเก่า แต่ก่อนไม่ได้ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า มีการโยกย้ายมาแล้วหลายตั้ง จึงขอย้อนกลับไปเล่าถึงการขยายอำนาจของขอม ดังนี้ ในสมัยที่ขอมแผ่เดชานุภาพเข้าตีอาณาจักรทวาราวดีนั้น ได้ยกกองกำลังเข้าบุกเมืองละโว้ (ลพบุรี) เมื่อประมาณพ.ศ. 1400 โดยมีพระยาแกรกผู้เข้มแข็งเป็นแม่ทัพบัญชาการรบ พระยาแกรกผู้นี้เป็นเสี้ยนหนามกับพระยาโคตรตะบองเทวราช ซึ่งเป็นผู้ครองเมืองละโว้ พระยาแกรกจึงยกทัพบุกเมืองตั้งใจจะขยี้เมืองละโว้ให้แหลกลาญจะได้จับพระยาโคตรตะบองเทวราชมาสำเร็จโทษเสีย
ทหารทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด และในที่สุดพระยาโคตรตะบองเทวราชก็ได้เสียเมืองให้กับพระยาแกรกไป
พระยาโคตรตะบองเทวราชได้หนีฝ่าวงล้อมการต่อสู้ออกมาได้ โดยพาอัครมเหสี ราชโอรส
ราชธิดา และอำมาตย์ญาติวงศา เดินทางขึ้นไปทางเหนือ บรรดาทหารทั้งพลช้างและม้า พยายามต่อสู้ไปด้วยและถอยทัพหนีไปด้วย จนพ้นการติดตามของพระยาแกรกไปได้ การพ่ายแพ้ในครั้งนี้พระยาโคตรตะบองเทวราช ทรงเสียพระทัยอย่างสุดซึ่งประกอบกับทรงทราบกิติศัพท์มาว่า ขอมมีแสนยานุภาพเข้มแข็งอย่างมาก ทำการรบชนะมาหลายแห่ง จึงทรงท้อพระทัยและหวาดหวั่น คงไม่มีทางที่จะกลับไปแก้มือ จึงตัดสินใจยอมสละบ้านเมืองให้พระยาแกรกไป และทรงเสด็จเดินทางต่อไปโดยไม่มีจุดหมาย เป็นเวลาหลายสิบวัน
จนมาถึงหมู่บ้านโกณฑัญญคาม คือพื้นที่ตำบลบางคลาน กับตำบลบ้านน้อย ในเขตอำเภอโพทะเล
จังหวัดพิจิตร จึงสั่งให้หยุดการเดินทัพบริเวณนี้ |
|
ฝ่ายหัวหน้าบ้านโกณฑัญญคาม ซึ่งเป็นตระกูลพราหมณ์มาจากเมืองละโว้ พอทราบว่าพระยาโคตรตะบองเทวราชเสด็จมาตั้งค่ายพักพลอยู่ในละแวกบ้านของตน
จึงออกมาเยี่ยมและคำความเคารพ แล้วแนะนำให้พระองค์ทราบว่าตนเป็นชาวละว้าเหมือนกัน เดิมมีพื้นเพมาจากเมืองละโว้ ได้มาเป็นหัวหน้าพราหมณ์ทั้งหลายในหมู่บ้านนี้ พระยาโคตรตะบองเทวราชก็ดีพระทัย จึงตรัสถามความทุกข์สุข แล้วทรงเล่าเหตุการณ์ที่ต้องระหกระเหินมาให้พราหมณ์ฟัง พราหมณ์หัวหน้าบ้านทราบถึงความจริงก็น้อยใจและแค้นเคืองขอมมาก
จึงอัญเชิญราชา พร้อมภรรยาและบุตร ให้ไปประทับ ณ บ้านตน ถวายการต้อนรับเป็นอย่างดี
หลายวันต่อมา พราหมณ์ก็ถวายหมู่บ้านของตนให้พระยาโคตรตะบองเทวราชสร้างเมือง >>อ่านต่อ>> |
|
|
|
|
ตำบลเมืองเก่า เดิมคือที่ตั้งเมืองพิจิตรเก่า ตำบลเมืองเก่าเดิม เป็นเมืองลูกหลวง สมัยสุโขทัยจังหวัดพิจิตรมีชื่อเรียกว่า เมืองโอฆะบุรี ซึ่งแปลว่าเมืองใต้ท้องน้ำ และมีชื่อเรียกต่างไปตาม ยุคสมัย เช่น เมืองสระหลวง เมืองชัยบวร และเมืองปากยม เมืองพิจิตรเป็นที่ประสูติ ของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาพระองค์หนึ่ง คือ พระเจ้าสรรเพชญที่ 8 หรือสมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ และเป็น |
|
|
|
ถิ่นกำเนิดของนิทาน เรื่องไกรทองอันลือลั่น ตามตำนาน จังหวัดพิจิตร พิจิตร แปลว่า เมืองงาม ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 1601 โดยเจ้ากาญจนกุมารราชบุตรพระยาโคตรบอง สมัยสุโขทัย บนริมฝั่งแม่น้ำน่านก่อสร้างกำแพงเมืองด้วยอิฐ ด้านเหนือยาว 10 เส้นด้านใต้ยาว 10 เส้น ด้านตะวันออกยาว 35 เส้นด้านตะวันตก เป็นหน้าเมืองหันหน้าไปทางแม่น้ำเป็นกำแพง 2 ชั้น ห่างกัน 15 วา มีป้อมประตู หอรบ ขณะนี้ยังมีปรากฏซากเมืองเป็นร่องรอยอยู่ ครั้นกระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางเดิน ประชาชนพากันอพยพจากลำน้ำเดิมคือลำน้ำพิจิตรเก่า ไปอยู่ลำน้ำใหม่คือแม่น้ำน่านในปัจจุบัน และได้ย้ายเมืองไปตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหลวง หรือตำบลในเขตเทศบาลเมืองพิจิตรในปัจจุบัน . ดังนั้น จึงได้ตั้งชื่อ เป็น ตำบลเมืองเก่าตำบลเมืองเก่า เดิมคือที่ตั้งเมืองพิจิตรเก่า ตำบลเมืองเก่าเดิม เป็นเมืองลูกหลวง สมัยสุโขทัยจังหวัดพิจิตรมีชื่อเรียกว่า เมืองโอฆะบุรี ซึ่งแปลว่าเมืองใต้ท้องน้ำ และมีชื่อเรียกต่างไปตาม ยุคสมัย เช่น เมืองสระหลวง เมืองชัยบวร และเมืองปากยม เมืองพิจิตรเป็นที่ประสูติ ของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาพระองค์หนึ่ง คือ พระเจ้าสรรเพชญที่ 8 หรือสมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ และเป็นถิ่นกำเนิดของนิทาน เรื่องไกรทองอันลือลั่น ตามตำนาน จังหวัดพิจิตร พิจิตร แปลว่า เมืองงาม ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 1601 โดยเจ้ากาญจนกุมารราชบุตรพระยาโคตรบอง สมัยสุโขทัย บนริมฝั่งแม่น้ำน่านก่อสร้างกำแพงเมืองด้วยอิฐ ด้านเหนือยาว 10 เส้นด้านใต้ยาว 10 เส้น ด้านตะวันออกยาว 35 เส้นด้านตะวันตก เป็นหน้าเมืองหันหน้าไปทางแม่น้ำเป็นกำแพง 2 ชั้น ห่างกัน 15 วา มีป้อมประตู หอรบ ขณะนี้ยังมีปรากฏซากเมืองเป็นร่องรอยอยู่ ครั้นกระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางเดิน ประชาชนพากันอพยพจากลำน้ำเดิมคือลำน้ำพิจิตรเก่า ไปอยู่ลำน้ำใหม่คือแม่น้ำน่านในปัจจุบัน และได้ย้ายเมืองไปตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหลวง หรือตำบลในเขตเทศบาลเมืองพิจิตรในปัจจุบัน ดังนั้น จึงได้ตั้งชื่อ เป็น ตำบลเมืองเก่า |
|
|
|
|
องค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเก่า มีฐานะเป็นนิติบุคคล และเป็น ราชการบริหารส่วนท้องถิ่นรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจัดตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติมจนถึงฉบับที่ 6 พ.ศ. 2552 โดยยกฐานะจากสภาตำบลเมืองเก่า ในปี 2539 |
|
|
|
|
|
องค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเก่า ตั้งอยู่ที่ 125 ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร มีระยะห่างจากอำเภอเมืองพิจิตร ประมาณ 7 กิโลเมตร มีเนื้อที่โดยประมาณ 33,125 ไร่ หรือประมาณ 53 ตารางกิโลเมตร |
|
|
|
|
|
ทิศเหนือ |
ติดต่อกับ |
ต.โรงช้าง อ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร |
ทิศใต้ |
ติดต่อกับ |
ต.วังจิก และ ต.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร |
ทิศตะวันออก |
ติดต่อกับ |
บึงสีไฟ ต.ท่าหลวง และ ต.ดงกลาง อ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร |
ทิศตะวันตก |
ติดต่อกับ |
ต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร |
|
|
ต.โรงช้าง อ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร |
ต.รังนก
อ.สามง่าม จ.พิจิตร |
|
บึงสีไฟ ต.ท่าหลวง และ
ต.ดงกลาง อ.เมืองพิจิตร
จ.พิจิตร |
ต.วังจิก และ ต.โพธิ์ประทับช้าง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร |
|
|
|
|
|
|
จำนวนประชากรทั้งหมด 5,824 คน แยกเป็น |
|
ชาย จำนวน 2,837 คน |
คิดเป็นร้อยละ 48.71 |
|
หญิง จำนวน 2,987 คน |
คิดเป็นร้อยละ 51.29 |
ความหนาแน่นเฉลี่ย 109.89 คน/ตารางกิโลเมตร |
|
|
|
|
|
หมู่บ้านหมู่บ้านอยู่ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลทั้งหมด 9 หมู่บ้าน |
หมู่ที่ |
ชื่อหมู่บ้าน |
จำนวนประชากร |
ชาย |
หญิง |
รวม |
|
1 |
บ้านเมืองเก่า |
433 |
505 |
938 |
2 |
บ้านท่าข่อย |
545 |
529 |
1,074 |
3 |
บ้านเมืองเก่า |
237 |
258 |
495 |
4 |
บ้านวัดขนุน |
235 |
242 |
477 |
5 |
บ้านท่าโพธิ์ |
392 |
420 |
812 |
6 |
บ้านวังจันทร์ |
222 |
203 |
425 |
7 |
บ้านไร่ |
221 |
239 |
460 |
8 |
บ้านเมืองเก่า |
341 |
358 |
699 |
9 |
บ้านท่าโพธิ์ |
211 |
233 |
444 |
รวม |
2,837 |
2,987 |
5,824 |
|
|